หลายๆคน มักถามว่า ทำอย่างไรให้ฝ้าหายขาด
หมอขอบอกตามตรงว่า…
“ฝ้า รักษาให้จางลงได้ แต่ไม่มีทางหายขาด” นะคะ !!!
มีหลายเคสที่มาปรึกษา หลงเชื่อคำโฆษณา หัวเชื้อกัดฝ้า ครีมลอกหน้า สลายฝ้าถาวร ทำให้ตกอยู่ในวังวนของฝ้าซ้ำๆ
อีกทั้งครีมทาฝ้าหลายชนิด แอบผสมสารอันตราย เช่น ปรอท, สเตียรอยด์, ไฮโดรควิโนน ฯลฯ ลงไป เพื่อให้ผลเร็ว
สารอันตรายเหล่านี้ ช่วงแรกที่ใช้หน้าจะใส ฝ้าจะจางได้อย่างเร็วมาก
แต่เมื่อใช้ต่อเนื่อง เกิดพิษตกค้างสะสม ทำให้ผิวเสีย แห้ง แดง บาง แถมเมื่อหยุดใช้ หน้าดำ ฝ้าเข้ม สิวเห่อ ผิวพังมากขึ้น
หรือ บางรายกลายเป็นฝ้าถาวรสีดำอมน้ำเงิน เป็นด่างขาว จากความผิดปกติของเม็ดสีถาวร ตลอดไป รักษาไม่ได้อีก
อย่าตกเป็นเหยื่อคำโฆษณา !!!
สิ่งสำคัญของการรักษาฝ้า คือ ต้องทากันแดดให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้กลับเป็นซ้ำ
เลือกกันแดดที่มีค่า spf อย่างน้อย 30-50 pa +++
ปริมาณการทา : บีบออกมาขนาดเท่าเหรียญ 10 บาทต่อการทาทั่วหน้า 1 รอบ
และทาซ้ำทุกๆ 1-2 ชั่วโมงหากอยู่กลางแดด
และที่สำคัญที่สุด คือ เลือกผลิตภัณฑ์ลดเลือนฝ้าที่ปลอดภัย
>> ไม่มีสารผลัดเซลล์ผิว กรดกัดผิวให้บาง ทำให้หน้าแห้งลอก
สังเกตุง่ายๆ ครีมที่มีสารกัดผิว ทำให้ผิวไวต่อแสง มักจะใช้คำว่า ใช้ทาเฉพาะกลางคืน
>> ราคาไม่ถูกจนเกินไป
เพราะไวเทนนิ่งที่ดี มักมีราคาแพง
ครีมที่ถูกเกินไป อาจผสมสารอันตราย สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน ปรอท ฯลฯ เพื่อลดต้นทุนให้ถูกกว่า
ที่พบบ่อย คือ ครีมพม่าหน้าขาว ซึ่งเป็นสเตียรอยด์อย่างแรง วางขายกันไปชุดละ 50-100 บาทเท่านั้น
หากมีปัญหาผิวแห้ง แดงบาง แล้ว สิ่งสำคัญ คือ การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อให้ความชุ่มชื้น
หากมีภาวะผิวติดสารฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องใช้ความเข้าใจ อดทน รักษา ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องในการฟื้นฟูผิว
ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ หรือ เป็นเดือน หลังหยุดใช้ ขึ้นกับชนิด และ ความเข้มข้นของสารอันตรายที่เคยใช้มา
และ ควรเลือกครีมบำรุงที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของชั้นผิว เช่น Pro-niacin™
ที่มีอยู่ใน MD REVIVE : MORE THAN WHITE SERUM ที่สามารถช่วยฟื้นฟูผิว ลดระยะเวลาและอาการผิวติดสารได้
ผิวสวย ต้องเข้าใจ ดูแลให้ถูกวิธีนะคะ
หมอ และ MD REVIVE ขอเป็นกำลังใจทุกท่าน ตัดวงจรฝ้า บอกลาผิวแห้ง แดง บาง จากสารอันตราย กลับมามีผิวที่สวยใส แข็งแรงได้อีกครั้งค่ะ